Author Topic: มาพูดถึง รางวัล แม๊กไซไซ มั่งดีกว่า  (Read 14895 times)

0 Members and 5 Guests are viewing this topic.

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328
หลังจาก อ.พี่โจ เอาเรื่องของ nobel prize มาบอกแล้วก็เงียบหายไป
วันนี้ซื้อ หนังสือ ค.คนมาอ่านเรื่องของ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์  ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ
สาขาบริการสาธารณะ ประจำปี 2552 ก็เลยอยากพูดถึงมั่ง
แม้รางวัลจะไม่ยิ่งใหญ่เท่า nobel prize แต่ก็เป็นรางวัลในภูมิภาคเอเซียบ้านเราเอง

ดร.กฤษณา เป็นใครบางคนอาจจะรู้หรือเคยได้ยิน แต่ผมว่าน่าจะเป็นส่วนน้อย
น้อยจนน่าแปลกใจ (เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยรู้จักเหมือนกัน)

ปี 2538 อาจารย์เป็นผู้ผลิตยา AZT ขึ้นได้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
โดยใช้เวลาค้นคว้าศึกษาตั้งแต่ปี 2535

จากหนังสือ ค.คน เล่มนี้ อาจารย์ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"ยานี้เป็นพิษต่อเซลล์ แต่เดิมเขาพัฒนายานี้เพื่อเป็นยาต้านมะเร็ง ซึ่งมันฆ่า HIV ได้
พอเราทำเป็นแคปซูลก็ถึงเวลาทดสอบประสิทธิภาพแล้วหาใครมาเป็นอาสาสมัครล่ะ
เราก็ต้องทดลองกินยาด้วยตัวเอง"

"ก็กินไปเยอะเหมือนกัน กินจนพิสูจน์ได้ว่ายาเราทัดเทียมกับยาต่างประเทศ
กินแล้วเจาะเลือดดูว่าพีคยังไง ดูดซึมยังไง ขับถ่ายยังไงแล้วเปรียบเทียบกัน"

การทำงานแบบทุ่มเททั้งชีวิต ผู้ป่วย HIV สามารถหาซื้อยา AZT ได้ในราคาเพียงแค่ 7-8 บาท
แทนที่ต้องซื้อยาต้านในท้องตลาดก่อนหน้านั้นที่มีราคาสูงถึง 40 บาทต่อหนึ่งเม็ด

--------------------------------------------------------------------------

อันนี้เพิ่มเติมหน่อย
เมื่อก่อนประเทศเรายังไม่มี กฏหมายควบคุมเรื่องการผลิตยา
หมายถึง ควบคุมตัวยา แต่ถ้าเราสามารถผลิตได้เอง กระบวนการของเราเอง
ก็สามารถผลิตออกมาใช้ได้ อาจารย์ก็ผลิต AZT ด้วยวิธีของอาจารย์เองได้

ต่างจากปัจจุบันที่เรามี กฏหมายเรื่องสิทธิบัตรยา ที่ควบคุมเรื่องการผลิตด้วย
ตอนนี้เรื่องยาของบ้านเราก็เลยไม่สามารถพัฒนาอะไรได้สักเท่าไหร่

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328
นอกจาก AZT แล้ว GPO-VIR ก็เป็นยาที่อาจารย์เป็นคนคิดสูตรขึ้น

อันนี้ก็เป็นความแปลกใจว่า ผมเองก็เพิ่งรู้ไม่กี่ปีนี่เองว่ายาที่ได้ใช้ในบ้านเรา
เป็นยาที่เราคนไทย เป็นคนคิดค้นสูตรเป็นที่แรก จนถึงขั้น WHO เอาไปใช้
สำหรับตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เลยนะ
แต่ทำไมรู้สึกว่า คนในบ้านเราเองกลับไม่ค่อยรู้เรื่องเลย แม้แต่หมอ

------------------------------------------------------------

ต่อๆ จาก หนังสือ ค.คน

ยา GPO-Vir เป็นการนำตัวยา 3 ชนิดที่ประเทศไทยไม่มีสิทธิบัตรและต่างบริษัทกัน
คือ Stavudine, Lamivudine, Nevirapine มารวมอยู่ในเม็ดเดียว
ออกสูท้องตลาดในปี 2545 และทำให้องค์การเภสัชกรรมมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
เพราะประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ค้นพบสูตรยาดังกล่าว

"ปกติแล้วผู้ป่วย HIV ต้องทานยาวันละ 6 เม็ด เช้า 3 เม็ด เย็น 3 เม็ด
แต่ GPO Vir ทานแค่วันละ 2 เม็ด ก็ครบ การรักษาก็ง่ายขึ้น ราคาก็ถูกลงมาก"

ค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในขณะนั้นสูงถึง 20,000-30,000 บาท ต่อคนต่อเดือน
แต่กับ GPO vir ตัวเลขที่ว่าจะลดลงเหลือเพียง 1,200 บาทต่อคนต่อเดือน

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328
แต่ที่ทำให้อาจารย์ได้รับรางวัลแมกไซไซ
ก็คงเป็นงานที่อาจารย์ไปทำที่แอฟริกา คือการไปถ่ายทอดความรู้การผลิตยา
ให้กับประเทศต่างๆ ในแอฟริกา

รายละเอียดจากหนังสือ

"ในปี 2542 เขาเชิญเราไปดูว่าจะสามารถถ่ายทอดเทดโนโลยีผลิตยาได้ไหม
พอกลับมาเราก็เขียนโครงการ ไปที่รัฐมนตรีฯ กระทรวงสาธาฯ ตอนนั้นก็ชอบมาก
เอาไปพูดที่เจนีวาว่า ประเทศไทยจะถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตยาต้านเอดส์ให้ อย่างนั้นอย่างนี้
ประเทศในแอฟริกาปรบมือกันเกรียว"

"แต่พอกลับมาไทยก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึั้น รัฐมนตรีก็โยนมาที่องค์การเภสัช องค์การฯ
ก็ถามเราว่าถ้าเราไปแล้วเราจะได้อะไร เราก็บอกว่าคงไม่ได้อะไรหรอก นอกจากมนุษยธรรม"

กับคนบางคน "คำสัญญา" มีความหมายไม่ต่างอะไรจากการผายลมออกทางปาก
แต่สำหรับผู้หญิงอย่าง กฤษณา คุณค่าของมันมีมากพอๆ กับชีวิต
เดือนกันยายน 2545 เธอตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อไปทำตามคำสัญญา

"รัฐมนตรี เรียกเราไปพบแล้วยื่นข้อเสนอทั้งให้มาเป็นที่ปรึกษาองค์การฯ
แล้วก็เอายาเราไปขายที่แอฟริกา แทนการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
แต่เราคิดว่าเราออกดีกว่า ก่อนออกเราก็ไปติดประกาศในองค์การฯ ไว้ว่า
ใครอยากไปช่วยแอฟริกาบ้าง คือที่ประกาศนี่ไม่ได้จริงใจนะ
แต่เป็นไปด้วยความกวนตีน เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครไปกับเราหรอก"

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328


"ในปี 2545 สื่อฝรั่งมาสัมภาษณ์เรา พอบทความลงไปก็มีชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตยาต้านมาลาเรียควินิน
ชื่อบริษัท Pharmakina สนใจที่จะผลิตยา GPO vir ที่โรงงานของเขาในคองโก
เพื่อช่วยเหลือพันักงานของบริษัทที่ติดเชื้อ HIV"

ก้าวแรกที่ย่ำเท้าลงแผ่นดินคองโกหญิงร่างท้วมแทบจะตกใจช็อกตายด้วยความตื่นตระหนก
เนื่องจากไม่เคยคิดว่าตนเองจะมาตกอยู่ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์

"มันรบกันจริงๆ รบกันตลอดเวลา กลางคืนก็ยังรบ คนที่รู้จักเขาบอกว่าเธอควรจะกลับมาได้แล้ว
แถบนั้นไม่มีใครเขาอยากไปกันหรอก แต่เราก็ไป"

กฤษณาเดินทางไปยังเมือง Bukavu ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน โดยไม่มีอะไรเลยนอกจากสัมภาระติดตัวเล็กน้อย
ที่ตรงนั้นไม่มีองค์กรใดๆ ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชนมาเกี่ยวข้อง
เนื่องเพราะเป็นเรื่องของคนกับคนที่จะช่วยเหลือกัน
เมื่อไปถึงกฤษณาต้องเขียนแปลนสร้างโรงงานขึ้นใหม่บนเนินเขาเอง

เภสัชกรยิปซีต้องคัดเอาคนท้องถิ่นที่คิดว่าพอจะไปวัดไปวาได้
มารับฟังการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยา GPO vir
โดยจะสอนตั้งแต่การคำนวณสูตรยา ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพยา
ไปจนถึงรายละเอียดการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ
โดยในตอนแรกจะลองทำให้ดูเป็นตัวอย่าง หลังจากนั้นจะให้เป็นฝ่ายทำเอง
จนกระทั่งผู้คนเหล่านั้นสามารถผลิตยาใช้ได้ด้วยตัวเอง

กฤษณาได้เดินทางไปทำแบบนี้ในประเทศต่างๆ ในแอฟริกา
จนถึงขณะนี้ บุรุนดีเป็นประเทศที่ 15 แล้วที่เภสัชกรคนไทยไปถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยาให้

ทุกคร้งที่ถ่ายทอดเคล็ดลับ กฤษณามีเงื่อนไขโดยการให้ผู้นั้นเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
จะต้องให้ยาเข้าถึงผู้คนในราคาที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่สูงเกินไปนัก

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328

KGB

  • หัวหน้าบ๋อย
  • ****
  • Posts: 270
    • Clinical genetics
หลังจาก อ.พี่โจ เอาเรื่องของ nobel prize มาบอกแล้วก็เงียบหายไป
Quote

ไม่ได้หายไปไหน แต่ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ เลยแอบงอนไม่เล่าและ

จริงๆ ถ้าจะเล่ารางวัลระดับโลก น่าจะลองเล่าถึงที่มาที่ไป ของรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ที่แจกให้กับแพทย์ ที่มีผลงานดีเด่นด้านสาธารณสุข และด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นรางวัลระดับสากล กว้างขวางกว่าแมกไซไซ และผู้ได้รับรางวัลได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เหมือนรางวัลแมกไซไซ ที่ผู้ได้รับรางวัลจะได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดี แห่งสวีเดนด้วยครับ

เด๋วไปตั้งกระทู้ใหม่ละกัน ถ้ามีคนอยากอ่าน แว่บ

admin

  • Administrator
  • เด็กล้างจาน
  • *****
  • Posts: 23
สุดยอดครับ เรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ

ว่าแต่ จบห้วนๆ แบบนี้เหรอครับ ?  ???

ธวัช

  • Administrator
  • หัวหน้าบ๋อย
  • *****
  • Posts: 328
กลับไปอ่านข้างบนอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าจบห้วนๆ อยู่ดี

ตอนนี้อาจารย์ก็ยังทำงานเหมือนเดิมครับ
คือตระเวนไปตามประเทศต่างๆ ในแอฟริกา

เรื่องของอาจารย์มีการทำเป็นละครบรอดเวย์นะครับ
ถ้าจำไม่ผิดชือว่า cocktail (มาจากสูตรยาที่เอายาสามตัวมาผสมกัน)
แล้วล่าสุดที่เมืองไทยเพิ่งเอามาทำเป็นละครเวที ของจุฬา เราเองนี่แหละ
โดยใช้ชื่อว่า นางฟ้านรินาม อันนี้คงไม่ค่อยมีใครรู้ ไ
น่าคิดว่า เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมีใครรู้ไม่เหมือน แม่นาคเดอะมิวสิคัล เพราะไม่ค่อยมีใครโปรโมทนั่นเอง
ของดีๆ เรื่องดีๆ อย่างนี้น่าเสียดาย ต้องมีคนต่างชาติทำก่อนแล้วเราค่อยทำตาม

ผมเองก็ไม่ได้ดูครับ เพราะตอนนั้นเป็น chief ICU 2 อยู่
เดือนนั้นใครๆ ก็รู้ว่า ICU 2 นั้น เยินที่สุดใน med เลย  :P