ขอร่วมแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยนะครับ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า ด้อยทั้งความรู้และประสบการณ์
สำหรับการศึกษานี้ก็น่าสนใจ อย่างที่ iceswan บอกว่าส่วนมากก็ สั่งเป็น routine กัน เคยแอบสงสัยอยู่บ้าง แต่ด้วยความขี้เกียจเลยปล่อยผ่านไป
ก่อนอื่นขอเริ่มจาก
Population ก่อนละกัน แน่นอนว่าทำในต่างประเทศย่อมไม่ใช่คนไทย ซึ่งจุดนี้คิดว่าอาจจะมีความสำคัญไม่น้อย เพราะคุ้นๆว่า บางเชื้อชาติอาจจะ sensitive to salt ต่างกับชาติอื่น ??
อีกจุดนึงที่สงสัยคือ สาเหตุของ heart failure ในการศึกษานี้ เป็น ischemic แค่ 23% เปรียบเทียบกับข้อมูลจาก Thai ADHERE มี coronary เป็นสาเหตุถึง 44.7% ทำให้การนำผลมาใช้กับคนไทยอาจจะต้องระมัดระวัง
ในแง่ของการ recruit participants พยายามดูก็ไม่เห็นรายละเอียดจริงๆ ว่า 155 คนที่ exclude เป็นเพราะอะไร ปัญหาคือ คนไข้ที่เข้าร่วมการศึกษาจริงๆ มีแค่ 9% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็น highly selected group
เรื่องการ blinding เห็นด้วยครับว่าน่าจะมีปัญหา ซึ่งจุดนี้น่าจะสำคัญเหมือนกัน เพราะ outcome ที่เค้าวัดอันหนึ่งคือ CSS เป็นตัวแปรที่ bias ได้, แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ เค้าไม่ได้แสดงว่า แต่ละกลุ่มได้รับ intervention อย่างที่ assign จริงๆหรือไม่?
ใน protocol เหมือนจะแค่ควบคุมใน computer กับการให้ education แต่ในชีวิตจริงทุกคนน่าจะเคยเจอว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ป่วยจะทำได้ตามที่เราบอก (ในเวลาสั้นๆ) ซึ่งความแตกต่างใน intervention ของทั้งสองกลุ่มไม่ได้ต่างกันมากจริงอย่างที่ตั้งไว้ การแปลผลก็คงลำบาก
ในแง่ของ outcome นี่ ไม่ทราบครับว่าการใช้้ weight loss กับ clinical stability ที่ 3 วัน นี่มัน valid รึเปล่า
อ่านคร่าวๆ ได้แค่นี้ก่อนละกันครับ [ปล. พรุ่งนี้สอบ
]
เพิ่มอีกนิด ถ้าเชื่อตามการศึกษานี้ก็บอกได้แค่ว่า การจำกัดทั้งน้ำและเกลือ มันไม่ต่าง แต่ไม่รู้ว่าถ้าจำกัดน้ำแล้วให้กินเกลือเยอะ จะเป็นยังไง